Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.tnsumk.ac.th/handle/123456789/59
Title: การสังเคราะห์กรอบกิจกรรมทางพลศึกษาโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ สำหรับโรงเรียนระดับประถมศึกษา เขตการศึกษาที่ 1 จังหวัดมหาสารคาม โดยใช้เทคนิคเดลฟาย
Authors: ทวีสุข โภคทรัพย์
Issue Date: 2560
Publisher: สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตมหาสารคาม
Abstract: การวิจัยนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาการสังเคราะห์กรอบกิจกรรมทางพลศึกษาโครงการลด เวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ สำหรับโรงเรียนระดับประถมศึกษา เขตการศึกษาที่ 1 จังหวัดมหาสารคาม โดย ใช้เทคนิคเดลฟาย โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยอนาคตแบบ EDFR (Ethnographic Delphi Futures Research) แบ่งเป็น 2 ขั้นตอนคือ 1) การรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์เชิงลึกเพื่อกำหนดขอบข่ายและรายละเอียดของกรอบกิจกรรมทางพลศึกษา โดยการสังเคราะห์เนื้อหาจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ 19 คน ซึ่งเป็นผู้ให้ข้อมูลหลัก 2) เครื่องมือวิจัย EDFR รอบที่ 2 และรอบที่ 3 เป็น แบบสอบถามแนวโน้มของกิจกรรมทางพลศึกษาและนันทนาการตามโครงการลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ระดับประถมศึกษา แบ่งเป็น 2 ด้าน จำนวน 21 ข้อ ชนิดมาตรประมาณค่า (rating scales) 5 ระดับ และคำถามเกี่ยวกับภาพอนาคตที่พึงประสงค์ แบบสอบถาม EDFR รอบที่ 2 ใด้ผ่านการตรวจสอบ ความตรงเชิงเนื้อหา โดยผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คนด้วยการหาค่า ioc (The Index Of Item-Objective Congruence) โดยผู้วิจัยพิจารณาคัดเลือกข้อความที่มีค่า ioc ตั้งแต่ 0.6 นำแบบสอบถาม EDFR รอบที่ 2 ดังกล่าวไปเก็บข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ 19 คน และนำกลับมาวิเคราะห์หาค่ามัธยฐาน (median) ค่าฐานนิยม (mode) และค่าพิสัยระหว่างควอร์ไทล์ (interquartile range) พร้อมกันนั้น นำข้อมูลที่ได้มาตรวจสอบหาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามโดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์อัลฟาของครอนบาค (Cronbach's Alpha) ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ได้ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับ เท่ากับ 0.87 ได้เป็นแบบสลบถาม EDFR รอบที่ 3 การรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณด้วยการสอบถาม ความคิดเห็นจากกลุ่มผู้เชี่ยวขาญ 21 คนด้วยเทคนิคเดลฟาย 2 รอบ เพื่อศึกษาแนวโน้มที่มีความเป็นไปได้ มีภาพอนาคตที่พึงประสงค์ และกลุ่มผู้เชี่ยวขาญมีความเห็นสอดคล้องกัน หาฉันทามติ (Consensus) ของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญโดยการคำนวณค่ามัธยฐาน ค่าฐานนิยม และค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ เพื่อนำผลการวิเคราะห์ข้อมูลไปทำนายแนวโน้ม ผลการวิจัยพบว่า กรอบกิจกรรมทางพลศึกษาด้านการออกกำลังกายประกอบด้วย จำนวน 5 แนวโน้ม ได้แก่ 1) การออกกำลังกายระบบกล้ามเนื้อกล้ามเนื้อจะมีการเจริญเติบโตขึ้น 2) ระบบโครงร่าง ในขณะออกกำลังกายกระดูกจะถูกดึง ถูกบีบจากแรงกล้ามเนื้อ 3) ระบบไหลเวียนโลหิตและ ระบบหายใจ การออกกำลังกายเป็นประจำทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตและระบบหายใจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4) การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะผลทำให้เป็นคนที่มีบุคลิกที่มั่นคงสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีสามารถปรับตัวเมื่อได้รับความเครียดได้ดี มีความ ฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ที่ในระดับดี 5) การออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มความมีวุฒิภาวะทางสังคม มีความฉลาดทางสังคม เนื่องจากการออกกำลังกายเป็นกิจกกรมที่ส่งเสริมให้คนมีปฏิสัมพันธ์มากขึ้น จนนำไปสู่การพัฒนาทักษะทางสังคมที่ดี กรอบกิจกรรมนันทนาการ จำนวน 11 แนวโน้ม 1) กิจกรรม นันทนาการศิลปหัตถกรรม 2) กิจกรรมนันทนาการเกมและกีฬา 3) กิจกรรมนันทนาการงานอดิเรก 4) กิจกรรมนันทนาการดนตรีและการร้องเพลง 5) กิจกรรมนันทนาการการเต้นรำ การฟ้อนรำและกิจกรรมเข้าจังหวะ 6) กิจกรรมนันทนาการการแสดงละครและภาพยนตร์ 7) กิจกรรมนันทนาการนอกสถานที่ 8) กิจกรรมนันทนาการการเขียนและการพูด 9) กิจกรรมนันทนาการทางสังคม 10) กิจกรรมนันทนาการพิเศษ 11) กิจกรรมนันทนาการอาสาสมัคร
URI: https://ir.tnsumk.ac.th/handle/123456789/59
Appears in Collections:รายงานการวิจัย

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Thaweesuk_Pooksap_res_2560.pdf
  Restricted Access
3.5 MBAdobe PDFView/Open Request a copy


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons